ดูแลกายใจในวันที่เราและโลกแปรปรวน

ดูแลกายใจในวันที่เราและโลกแปรปรวน

ดูแลกายใจในวันที่เราและโลกแปรปรวน

22 May 2025

Share

ดูแลกายใจในวันที่เราและโลกแปรปรวน


เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ไม่ได้กระทบแค่ร่างกาย แต่หัวใจก็เหนื่อยล้าไปด้วย

ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นทุกปีและฤดูกาลที่คาดเดาไม่ได้ บางครั้งความรู้สึกภายในใจก็เหมือน “สภาพอากาศ” ที่พร้อมจะแปรปรวนได้ทุกเมื่อ หลายคนอาจเริ่มรู้สึกเหนื่อย เบื่อหน่าย เครียด หรือหดหู่โดยไม่รู้สาเหตุ แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่า “เราผิดปกติไปหรือเปล่า?”

คำตอบคือ — ไม่เลย คุณไม่ได้เป็นคนเดียว และคุณไม่ได้คิดไปเอง

เพราะโลกที่แปรปรวน กำลังส่งผลต่อ “ใจ” ของเราจริงๆ

ปัจจุบัน มีงานวิจัยจำนวนมากขึ้นที่ตอกย้ำว่า “สุขภาพจิต” และ “สภาพแวดล้อม” มีความเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งระบุว่า ความร้อนที่รุนแรงจากภาวะโลกร้อน ส่งผลกระทบต่อภาวะทางจิตใจอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นอาการซึมเศร้า ความวิตกกังวล ไปจนถึงการใช้สารเสพติด ซึ่งอาจเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 49% ภายในปี 2050* หากยังไม่มีการรับมือที่เหมาะสม

แม้แต่ในประเทศอย่างออสเตรเลีย ซึ่งระบบสาธารณสุขก้าวหน้า ยังพบว่าความร้อนจัดสามารถทำให้จำนวนเด็กและผู้สูงอายุที่เข้ารับการรักษาทางจิตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน — นี่คือสัญญาณเตือนว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องของ “ธรรมชาติ” เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่คือเรื่องของ “สุขภาพใจ” ของคนทั้งโลก



2(1).jpg


อาการที่พบบ่อยในช่วงที่โลกและใจแปรปรวน

หนึ่งในภาวะที่เกี่ยวข้องกับฤดูกาลโดยตรงคือ Seasonal Affective Disorder (SAD) หรือ “ภาวะซึมเศร้าตามฤดูกาล” ที่มักเกิดในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว ซึ่งแสงแดดมีน้อย และสมองหลั่งสารความสุขลดลง อาการที่พบบ่อย ได้แก่

• อ่อนล้า ง่วงนอนมากกว่าปกติ

• หงุดหงิดง่าย ขาดแรงจูงใจ

• เบื่ออาหารหรือกินมากผิดปกติ

• ไม่สนใจสิ่งรอบตัว รู้สึกเศร้าเรื้อรัง

แม้ภาวะนี้จะดู “ธรรมดา” หรือไม่รุนแรงในสายตาบางคน แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่ดูแล ก็สามารถลุกลามเป็นภาวะซึมเศร้าเรื้อรังได้เช่นกัน

3(1).jpg



จะดูแลกายใจอย่างไร? ในวันที่โลกก็กำลังเจ็บป่วย

1. อย่าเพิกเฉยความรู้สึกของตัวเอง

ความรู้สึกเศร้า เหนื่อย หมดแรง ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็น “สัญญาณ” ที่บอกให้เราหยุดดูแลใจตัวเองสักพัก

2. เปิดรับแสงธรรมชาติให้มากขึ้น

แสงแดดยามเช้ามีผลโดยตรงต่อสารเซโรโทนินในสมอง ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้น หมั่นออกไปรับแดดเบาๆ อย่างน้อย 15 นาทีต่อวัน

3. ลดการเสพข่าวหรือคอนเทนต์ที่กระตุ้นความเครียด

โลกใบนี้มีเรื่องให้กังวลเยอะพอแล้ว อย่าลืมคัดกรองสิ่งที่เข้ามาในใจ เพราะมันส่งผลต่อความรู้สึกมากกว่าที่คิด

4. เคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน โยคะ หรือเต้นเบาๆ ช่วยกระตุ้นสารเอนดอร์ฟินที่ช่วยคลายเครียด

5. หากไม่ไหว อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ

การพูดคุยกับนักจิตวิทยา นักบำบัด หรือผู้เชี่ยวชาญ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการดูแลใจ อย่าปล่อยให้ความเศร้าเรื้อรังเป็นเรื่องที่ต้องเผชิญเพียงลำพัง


เมื่อโลกเริ่มเจ็บป่วย จิตใจก็ต้องการการดูแลมากขึ้น

แม้ว่าเราจะไม่สามารถควบคุมฤดูกาลหรือสภาพอากาศได้ แต่เราสามารถควบคุม “วิธีดูแลใจตัวเอง” ได้

อย่ารอให้ความรู้สึกแย่สะสมจนล้น รักษาใจไว้ตั้งแต่วันนี้ — เพราะสุขภาพจิตที่ดี ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเรา แต่ยังเป็นพลังสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้น่าอยู่ขึ้นในวันข้างหน้า



*ที่มา: https://spacebar.th/lifestyle/ecoeyes-mood-swings-due-to-global-warming

ดูแลกายใจในวันที่เราและโลกแปรปรวน


เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ไม่ได้กระทบแค่ร่างกาย แต่หัวใจก็เหนื่อยล้าไปด้วย

ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นทุกปีและฤดูกาลที่คาดเดาไม่ได้ บางครั้งความรู้สึกภายในใจก็เหมือน “สภาพอากาศ” ที่พร้อมจะแปรปรวนได้ทุกเมื่อ หลายคนอาจเริ่มรู้สึกเหนื่อย เบื่อหน่าย เครียด หรือหดหู่โดยไม่รู้สาเหตุ แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่า “เราผิดปกติไปหรือเปล่า?”

คำตอบคือ — ไม่เลย คุณไม่ได้เป็นคนเดียว และคุณไม่ได้คิดไปเอง

เพราะโลกที่แปรปรวน กำลังส่งผลต่อ “ใจ” ของเราจริงๆ

ปัจจุบัน มีงานวิจัยจำนวนมากขึ้นที่ตอกย้ำว่า “สุขภาพจิต” และ “สภาพแวดล้อม” มีความเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งระบุว่า ความร้อนที่รุนแรงจากภาวะโลกร้อน ส่งผลกระทบต่อภาวะทางจิตใจอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นอาการซึมเศร้า ความวิตกกังวล ไปจนถึงการใช้สารเสพติด ซึ่งอาจเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 49% ภายในปี 2050* หากยังไม่มีการรับมือที่เหมาะสม

แม้แต่ในประเทศอย่างออสเตรเลีย ซึ่งระบบสาธารณสุขก้าวหน้า ยังพบว่าความร้อนจัดสามารถทำให้จำนวนเด็กและผู้สูงอายุที่เข้ารับการรักษาทางจิตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน — นี่คือสัญญาณเตือนว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องของ “ธรรมชาติ” เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่คือเรื่องของ “สุขภาพใจ” ของคนทั้งโลก



2(1).jpg


อาการที่พบบ่อยในช่วงที่โลกและใจแปรปรวน

หนึ่งในภาวะที่เกี่ยวข้องกับฤดูกาลโดยตรงคือ Seasonal Affective Disorder (SAD) หรือ “ภาวะซึมเศร้าตามฤดูกาล” ที่มักเกิดในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว ซึ่งแสงแดดมีน้อย และสมองหลั่งสารความสุขลดลง อาการที่พบบ่อย ได้แก่

• อ่อนล้า ง่วงนอนมากกว่าปกติ

• หงุดหงิดง่าย ขาดแรงจูงใจ

• เบื่ออาหารหรือกินมากผิดปกติ

• ไม่สนใจสิ่งรอบตัว รู้สึกเศร้าเรื้อรัง

แม้ภาวะนี้จะดู “ธรรมดา” หรือไม่รุนแรงในสายตาบางคน แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่ดูแล ก็สามารถลุกลามเป็นภาวะซึมเศร้าเรื้อรังได้เช่นกัน

3(1).jpg



จะดูแลกายใจอย่างไร? ในวันที่โลกก็กำลังเจ็บป่วย

1. อย่าเพิกเฉยความรู้สึกของตัวเอง

ความรู้สึกเศร้า เหนื่อย หมดแรง ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็น “สัญญาณ” ที่บอกให้เราหยุดดูแลใจตัวเองสักพัก

2. เปิดรับแสงธรรมชาติให้มากขึ้น

แสงแดดยามเช้ามีผลโดยตรงต่อสารเซโรโทนินในสมอง ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้น หมั่นออกไปรับแดดเบาๆ อย่างน้อย 15 นาทีต่อวัน

3. ลดการเสพข่าวหรือคอนเทนต์ที่กระตุ้นความเครียด

โลกใบนี้มีเรื่องให้กังวลเยอะพอแล้ว อย่าลืมคัดกรองสิ่งที่เข้ามาในใจ เพราะมันส่งผลต่อความรู้สึกมากกว่าที่คิด

4. เคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน โยคะ หรือเต้นเบาๆ ช่วยกระตุ้นสารเอนดอร์ฟินที่ช่วยคลายเครียด

5. หากไม่ไหว อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ

การพูดคุยกับนักจิตวิทยา นักบำบัด หรือผู้เชี่ยวชาญ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการดูแลใจ อย่าปล่อยให้ความเศร้าเรื้อรังเป็นเรื่องที่ต้องเผชิญเพียงลำพัง


เมื่อโลกเริ่มเจ็บป่วย จิตใจก็ต้องการการดูแลมากขึ้น

แม้ว่าเราจะไม่สามารถควบคุมฤดูกาลหรือสภาพอากาศได้ แต่เราสามารถควบคุม “วิธีดูแลใจตัวเอง” ได้

อย่ารอให้ความรู้สึกแย่สะสมจนล้น รักษาใจไว้ตั้งแต่วันนี้ — เพราะสุขภาพจิตที่ดี ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเรา แต่ยังเป็นพลังสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้น่าอยู่ขึ้นในวันข้างหน้า



*ที่มา: https://spacebar.th/lifestyle/ecoeyes-mood-swings-due-to-global-warming

We use cookies to give you the best online experience. By using our website you agree to our use of cookies in accordance with our privacy policy.
SHOW MORE