การขอสินเชื่อบ้านมีวิธีการอย่างไร?
การขอสินเชื่อบ้านมีวิธีการอย่างไร?
1. กำหนดความต้องการบ้านของคุณเองก่อนว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องซื้อบ้านในตอนนี้
ถึงคุณจะสามารถซื้อบ้านได้สักหลังหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่จำเป็นต้องแปลว่า คุณต้องเดินออกไปซื้อบ้านวันนี้เลย การตัดสินใจซื้อบ้านที่ดีน่าจะอยู่ที่ความจำเป็นของคุณ มากกว่าการเก็งกำไรบนราคา;อสังหาริมทรัพย์ ก่อนซื้อบ้านคุณควรตั้งคำถามกับตัวเองก่อน เช่น ทำไมคุณต้องการมีบ้านเป็นของคุณเองในตอนนี้? ใครจะอาศัยอยู่ร่วมกับคุณ? ฯลฯ นอกจากคำถามเหล่านี้จะช่วยยืนยันว่าคุณต้องการซื้อบ้านจริงๆ แล้ว มันยังช่วยคุณพิจารณาได้ถึงลักษณะ ชนิดและขนาดของบ้านที่คุณควรซื้ออีกด้วย
2.ประมาณการเบื้องต้นว่าคุณรับมือไหวหรือไม่ คุณสามารถใช้โปรแกรมคำนวณ"Affordability Calculator" ของเราเพื่อคำนวณราคาบ้านที่เหมาะสมกับตัวคุณได้ โดยคุณเพียงแต่ใส่ รายได้ ภาระหนี้สินที่มีอยู่ และเงินสดที่เตรียมไว้ในการซื้อบ้านใหม่ ผลลัพธ์จากการคำนวณจะช่วยให้คุณหาซื้อบ้านในฝันและสมัครขอสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้เรายังมีโปรแกรมคำนวณอื่นๆ ไว้ช่วยให้คุณประมาณตัวเลขต่างๆที่เกี่ยวกับการซื้อบ้านด้วยเช่น:
"Payment Calculator" - โปรแกรมคำนวณค่างวดรายเดือน
"Loan Comparison Calculator" - โปรแกรมเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของโครงการสินเชื่อจาก 2 สถาบันที่มีอัตราดอกเบี้ยและค่าจัดการสินเชื่อที่แตกต่างกัน
3. การหาสินเชื่อและการขออนุมัติสินเชื่อล่วงหน้า (Pre-approval) การอนุมัติสินเชื่อล่วงหน้านั้นเป็นการที่ผู้ให้กู้อนุมัติสินเชื่อจากการพิจารณาเครดิตโดยไม่คำนึงถึงหลักประกัน แต่ยังคงสงวนสิทธิ์ในการอนุมัติวงเงินจริง หากข้อมูลที่คุณให้ในตอนแรกครบถ้วนและถูกต้อง ประกอบกับบ้านที่คุณเลือกซื้ออยู่ในวงเงินที่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้าการอนุมัติในขั้นตอนสุดท้ายจะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ในการอนุมัติล่วงหน้านั้น ผู้ให้กู้จะบอกให้คุณทราบถึง วงเงินสูงสุด ระยะเวลาและค่างวดผ่อนชำระโดยประมาณที่คุณสามารถกู้ได้ ซึ่งข้อมูลต่างๆนี้จะทำให้การซื้อบ้านของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นเนื่องจาก:
- คุณจะมีอำนาจต่อรองสูงขึ้นเพราะผู้ขายเห็นถึงความพร้อมในการซื้อบ้านของคุณ
- คุณจะทราบงบประมาณในการซื้อบ้าน
- คุณมีผู้ให้สินเชื่อที่ค่อนข้างแน่นอน เมื่อคุณพบบ้านที่เหมาะกับคุณ เพียงแค่ติดต่อกับผู้ให้กู้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะทำการประเมินราคา และจัดทำเอกสารให้เรียบร้อย โดยคุณเพียงแค่รอผลอนุมัติสุดท้ายว่าเหมาะสมกับที่คุณต้องการหรือไม่
4. เลือกระยะเวลาการผ่อนชำระที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้* ค่าใช้จ่ายในการกู้จะขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยเป็นหลัก ดังนั้นเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการกู้ยืม เราขอแนะนำให้คุณเลือกระยะเวลาผ่อนชำระให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะคุณจะมีกรรมสิทธิในบ้านเร็วขึ้น ในขณะที่ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยรวม และ ความเสี่ยงต่อการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะลดลง ทั้งนี้ เพราะโครงการสินเชื่อโดยทั่วไปมักจะอิง อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เช่น MLR เป็นหลักในระยะยาว
5. พิจารณาถึงสภาพแวดล้อมรอบๆ บ้านด้วย ลองนึกภาพว่าคุณอาศัยอยู่ที่นั่น เดินดูรอบๆ ลองพูดคุยกับเพื่อนบ้าน ดูว่าเขาเป็นอย่างไรกันบ้างและควรสำรวจเส้นทางในการคมนาคมนอกเหนือจากการไปทำงานด้วยเช่น การไปซื้ออาหาร โรงพยาบาล และสถานีตำรวจ ว่าเหมาะสมกับการดำเนินชีวิตของคุณหรือไม่
*หมายเหตุ: บทความนี้เขียนบนสมมุติฐานว่า เงินที่ประหยัดได้จากการกู้ที่ยาวขึ้นแล้วนำไปลงทุนจะได้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มกับดอกเบี้ยเงินกู้ เช่นไปฝากประจำได้ 3% แต่เสียดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 10%
1. กำหนดความต้องการบ้านของคุณเองก่อนว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องซื้อบ้านในตอนนี้
ถึงคุณจะสามารถซื้อบ้านได้สักหลังหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่จำเป็นต้องแปลว่า คุณต้องเดินออกไปซื้อบ้านวันนี้เลย การตัดสินใจซื้อบ้านที่ดีน่าจะอยู่ที่ความจำเป็นของคุณ มากกว่าการเก็งกำไรบนราคา;อสังหาริมทรัพย์ ก่อนซื้อบ้านคุณควรตั้งคำถามกับตัวเองก่อน เช่น ทำไมคุณต้องการมีบ้านเป็นของคุณเองในตอนนี้? ใครจะอาศัยอยู่ร่วมกับคุณ? ฯลฯ นอกจากคำถามเหล่านี้จะช่วยยืนยันว่าคุณต้องการซื้อบ้านจริงๆ แล้ว มันยังช่วยคุณพิจารณาได้ถึงลักษณะ ชนิดและขนาดของบ้านที่คุณควรซื้ออีกด้วย
2.ประมาณการเบื้องต้นว่าคุณรับมือไหวหรือไม่ คุณสามารถใช้โปรแกรมคำนวณ"Affordability Calculator" ของเราเพื่อคำนวณราคาบ้านที่เหมาะสมกับตัวคุณได้ โดยคุณเพียงแต่ใส่ รายได้ ภาระหนี้สินที่มีอยู่ และเงินสดที่เตรียมไว้ในการซื้อบ้านใหม่ ผลลัพธ์จากการคำนวณจะช่วยให้คุณหาซื้อบ้านในฝันและสมัครขอสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้เรายังมีโปรแกรมคำนวณอื่นๆ ไว้ช่วยให้คุณประมาณตัวเลขต่างๆที่เกี่ยวกับการซื้อบ้านด้วยเช่น:
"Payment Calculator" - โปรแกรมคำนวณค่างวดรายเดือน
"Loan Comparison Calculator" - โปรแกรมเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของโครงการสินเชื่อจาก 2 สถาบันที่มีอัตราดอกเบี้ยและค่าจัดการสินเชื่อที่แตกต่างกัน
3. การหาสินเชื่อและการขออนุมัติสินเชื่อล่วงหน้า (Pre-approval) การอนุมัติสินเชื่อล่วงหน้านั้นเป็นการที่ผู้ให้กู้อนุมัติสินเชื่อจากการพิจารณาเครดิตโดยไม่คำนึงถึงหลักประกัน แต่ยังคงสงวนสิทธิ์ในการอนุมัติวงเงินจริง หากข้อมูลที่คุณให้ในตอนแรกครบถ้วนและถูกต้อง ประกอบกับบ้านที่คุณเลือกซื้ออยู่ในวงเงินที่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้าการอนุมัติในขั้นตอนสุดท้ายจะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ในการอนุมัติล่วงหน้านั้น ผู้ให้กู้จะบอกให้คุณทราบถึง วงเงินสูงสุด ระยะเวลาและค่างวดผ่อนชำระโดยประมาณที่คุณสามารถกู้ได้ ซึ่งข้อมูลต่างๆนี้จะทำให้การซื้อบ้านของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นเนื่องจาก:
- คุณจะมีอำนาจต่อรองสูงขึ้นเพราะผู้ขายเห็นถึงความพร้อมในการซื้อบ้านของคุณ
- คุณจะทราบงบประมาณในการซื้อบ้าน
- คุณมีผู้ให้สินเชื่อที่ค่อนข้างแน่นอน เมื่อคุณพบบ้านที่เหมาะกับคุณ เพียงแค่ติดต่อกับผู้ให้กู้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะทำการประเมินราคา และจัดทำเอกสารให้เรียบร้อย โดยคุณเพียงแค่รอผลอนุมัติสุดท้ายว่าเหมาะสมกับที่คุณต้องการหรือไม่
4. เลือกระยะเวลาการผ่อนชำระที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้* ค่าใช้จ่ายในการกู้จะขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยเป็นหลัก ดังนั้นเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการกู้ยืม เราขอแนะนำให้คุณเลือกระยะเวลาผ่อนชำระให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะคุณจะมีกรรมสิทธิในบ้านเร็วขึ้น ในขณะที่ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยรวม และ ความเสี่ยงต่อการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะลดลง ทั้งนี้ เพราะโครงการสินเชื่อโดยทั่วไปมักจะอิง อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เช่น MLR เป็นหลักในระยะยาว
5. พิจารณาถึงสภาพแวดล้อมรอบๆ บ้านด้วย ลองนึกภาพว่าคุณอาศัยอยู่ที่นั่น เดินดูรอบๆ ลองพูดคุยกับเพื่อนบ้าน ดูว่าเขาเป็นอย่างไรกันบ้างและควรสำรวจเส้นทางในการคมนาคมนอกเหนือจากการไปทำงานด้วยเช่น การไปซื้ออาหาร โรงพยาบาล และสถานีตำรวจ ว่าเหมาะสมกับการดำเนินชีวิตของคุณหรือไม่
*หมายเหตุ: บทความนี้เขียนบนสมมุติฐานว่า เงินที่ประหยัดได้จากการกู้ที่ยาวขึ้นแล้วนำไปลงทุนจะได้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มกับดอกเบี้ยเงินกู้ เช่นไปฝากประจำได้ 3% แต่เสียดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 10%